success more successmore ซัคเซสอร์

ผู้นำธุรกิจเครือข่าย 4 ประเภท

เมื่อพูดถึงคนในวงการธุรกิจเครือข่ายในประเทศไทย ที่เป็นระดับผู้นำ อยู่ในธุรกิจมาหลายปี ทำรายได้มาระดับหนึ่งแล้ว จากประสบการณ์ของผม ผมเห็นหลายคนเปลี่ยนบริษัทมาหลายที่ บางคนก็เปลี่ยนน้อยมาก หรือทำที่เดียว บริษัทเดียว ไม่เคยเปลียนเลย  ดังนั้น ผมอยากจะแบ่งกลุ่มผู้นำออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกัน คือ

1) ผู้นำที่ทำค่ายเดียว และทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ กลุ่มคนเหล่านี้คือคนที่อยู่ในยุคเริ่มต้นของธุรกิจเครือข่ายในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ในบริษัทที่มีอายุเกิน 20 ปี เช่น แอมเวย์ (Amway) หรืออื่นๆที่มีอายุมากกว่า 10 ปี เช่น กิฟฟารีน (Giffarine) ซูเลียน (Zhulian) เป็นต้น ที่สำคัญคือผู้นำกลุ่มนี้ จะเข้าไปในช่วง 1-5 ปี ทีบริษัทเปิดทำการ และอยู่กับธุรกิจมายาวนาน 10 ปี ขึ้นไป

2) ผู้นำที่ทำค่ายเดียว แต่ก็ยังทำเงินไม่ได้เลย เรียกว่าไม่สามารถสร้างรายได้เพื่อเปลี่ยนแปลงวิถึชีวิตของตนเอง และครอบครัว เหมือนอย่างที่ ผู้นำในข้อ 1 เค้าได้กัน หรือบางทีอาจสูญเสียเงินมหาศาล เพราะถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะเข้ามาช่วงหลังๆ ในธุรกิจที่เติบโต จนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว หรือเข้ามาในช่วง 1-5 ปี แรกของธุรกิจเปิดใหม่ก็จริง แต่จะด้วยเหตุผลเรื่อง เวลา ทักษะ ประสบการณ์ ของตัวเอง หรือเลือกบริษัท / สินค้า / ผู้บริหาร / อัพไลน์ ที่ผิด พูดง่ายๆคือ ไว้ใจคนผิด สุดท้ายก็ต้องอยู่แบบทนอด (อดมื้อ กินมื้อ) หรือ เลิกราไปจากวงการธุรกิจเครือข่าย และไม่เคยกลับเข้ามาอีกเลย เพราะเข็ดขยาดหวาดกลัว

3) ผู้นำที่เปลี่ยนค่าย ย้ายบริษัทมาหลายแห่ง แต่ก็ทำเงินหรือร่ำรวย ทุกแห่งที่ไปทำ กลุ่มคนแบบนี้มีให้เห็นมากมาย บางคนมีรายได้หลักหลายล้านบาทต่อเดือน ในทุกบริษัทที่ไปทำ เรียกว่าขึ้นเบอร์หนึ่ง หรือติด Top 10 ซะทุกครั้ง แต่ที่น่าสังเกตุคือ กลุ่มคนเหล่านี้จะเตรียมตัวย้ายบริษัทกันอีก เมื่อบริษัทเริ่มมีปัญหา ส่วนใหญ่จะเคยผ่านบริษัทไทยหรือต่างชาติ เหล่านี้ อาทิเช่น โสมเกาหลี, เฮอบาไลฟ์ (Herbalife), เอเจล (Agel), เอมสตาร์ (Aim Star), โมนาวี (Monavie), ซินเนอร์จี้ (Synergy), บีฮิป (bHip), เจอเนสส์ (Jeunesse) และ ออกาโน่โกล์ด (Organo Gold) เป็นต้น เวลาผู้นำเหล่านี้ไปทำบริษัทไหน จะยกกันไปเป็นทีม และเลือกช่วงเวลาที่บริษัทเปิดใหม่ปีแรกเท่านั้น

4) ผู้นำ (หรือผู้ตาม) ที่เปลี่ยนค่ายมากกว่า 1 ครั้ง ก็จริง แต่ไม่เคยทำเงินได้เลย หรือทำเงินน้อยมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนที่ตัวเองลงไป ส่วนใหญ่กลุ่มคนเหล่านี้ จะตามผู้นำในข้อ 3 ไปทุกหนทุกแห่ง เพราะคิดว่า “ความสำเร็จ” นั้นมันสำเร็จรูป แค่ตามคนเก่งๆ มีบารมีไป อยู่ในช่วงเริ่มแรก หรือต้นสาย แต่ไม่เคยพัฒนาทักษะความสามารถส่วนตัวเลย สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเงินอย่างที่หวัง พวกนี้ไม่ใช่ผู้นำ แต่เป็นแค่ “ผู้ตาม”, อีกกลุ่มหนึ่ง คือ พวก “แมงเม่า บินเข้ากองไฟ” เห็นผู้นำกลุ่มที่ 3 ได้เงินเยอะ ตัวเองดูทีท่ามาระยะหนึ่งแล้ว ก็บินเข้าไป สุดท้ายได้แค่เป็นฐานองค์กรให้คนกลุ่มที่ 3 สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก ตัวเองก็บาดเจ็บหนักกลับออกมา เหตุเพราะความโลภเท่านั้น ไม่ได้ศึกษาแก่นแท้ของการสร้างธุรกิจเครือข่าย อย่างเป็นระบบ อย่างถูกต้อง ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเข็ดหรือไม่เข็ด ถ้าไม่เข็ดก็จะหาตัวอื่นทำอีก กะสมัครรหัส 001 เลย แต่ก็ยังทำเงินไม่ได้อีก เพราะคิดว่าตัวเองรู้ แต่จริงๆไม่รู้ รู้ไม่จริง หรือไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร

เอาละ ว่ามาซะยืดยาว ไม่ว่าตอนนี้คุณจะอยู่ ณ จุดไหน ขอให้สุดท้าย คุณสามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ “ทำเงิน” (Make Money)ได้ และประสบความสำเร็จ เพิ่มมากขึ้นๆ (Success More) เป็นพอ เพราะคงไม่มีใคร อยากสูญเสียเวลาชีวิต ไปเปล่าๆ แน่นอน จริงมั้ยครับ

เมื่อ ” ผู้นำ ” ติดปีก

     ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ อ่านได้ทุกแนว ไม่ว่าจะเป็น การ์ตูน นิยาย นวนิยาย อัตชีวประวัติ บริหาร จิตวิทยา แม้กระทั่งนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และอื่นๆ ไปไหนมาไหนผมมักจะพกหนังสือติดตัวตลอดเวลา แม้กระทั่งในห้องน้ำบ้านผม ก็ต้องมีหนังสือไว้ให้อ่านเวลาปลดทุกข์ เพราะอะไรเหรอครับ ก็เพราะว่า Learder is Reader (ผู้นำ คือ นักอ่าน)

ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนึง เกี่ยวกับชีวิตของห่านไซบีเรีย เขียนโดยนักเขียนชาวเกาหลี ชื่อ อันซังฮอน หนังสือชื่อ “ติดปีก ผู้นำ” ผมได้ข้อคิดที่ดีมากๆ อยากจะมาแบ่งปันให้ทุกๆท่านได้ รับรู้ด้วยกัน

1) การเดินทาง คือ หนทางที่จะช่วยให้ค้นพบตัวเอง เพราะชีวิตเปรียบได้กับการเดินทาง การเดินทางย่อมมีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ซึ่งเราต้องอาศัยความกล้า และปัญญา ในการใช้ชีวิต ซึ่งการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องใช้โอกาสในการพิจารณาตนเอง เพื่อการเติบโต และพัฒนาต่อไปในวันข้างหน้า ซึ่งเราเรียกว่า กระบวนการพัฒนาตนเอง เราต้องค้นหาตนเองให้เจอว่าเราคือใคร ไม่มีทางที่เราจะค้นพบตัวเองได้ภายในครั้งเดียว เพราะยังมีตัวเราอีกหลายๆ มุมที่ซ่อนอยู่ภายใน

   2) ตัวตนที่แท้จริงของเราจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อ เราประสบกับความทุกข์ยาก ถ้าหากเราเป็นคนตรงไปตรงมา และมีจิตใจที่เข้มแข็ง เราก็จะได้พบตัวเองจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อการเป็นคนใหม่ที่ดีกว่า และที่สำคัญอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับตัวเองขึ้นได้ ถ้าไม่มีความยากลำบาก อุปสรรค ปัญหา เราก็คงไม่มีโอกาสได้ค้นพบตัวเอง ตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นแน่

   3) ทีมที่ดีที่สุด คือ ทีมที่ไม่ลืมเป้าหมายสูงสุด ในธุรกิจเอมสตาร์ (Aim Star Business) แต่ละคนมีเป้าหมายส่วนตัว และเป้าหมายของทีมงานที่ทุกคนร่วมกันรับผิดชอบ พาพวกเค้าไปประสบความสำเร็จ เมื่อแต่ละคนทำเป้าหมายเล็กๆ ของแต่ละคนให้ประสบความสำเร็จ แบบมุ่งมั่น ช่วยเหลือกันเป็นทีมแล้วหล่ะก็ เป้าหมายใหญ่ของทีมก็จะประสบความสำเร็จ ไปพร้อมๆกัน แต่ในโลกของงานประจำ ซึ่งผมทำงานบริษัทมา 15 ปี ผมรับรู้ได้ถึงการเอาตัวรอด ตัวใครตัวมัน แม้จะถูกสอนให้ดูเป้าหมายสูงสุดของบริษัท แต่ทว่าเมื่อถึงภาวะวิกฤติ หรือ เหตุการณ์คับขัน การเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น โบ้ยงาน กินแรง เอาหน้า ประจบ เพียงเพื่อเอาตัวรอด ก็ทำทั้งองค์กรติดหนึบไม่ไปไหน ไม่ได้โทษเพื่อนร่วมงาน หรือ บริษัทนะครับ แต่เพราะว่าระบบงานประจำ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปลูกฝังเรื่องนี้ และทำให้เกิดขึ้นจริงๆได้ มีแต่ที่ เอมสตาร์ (Aimstar) เท่านั้นแหล่ะครับ ที่ผมเห็นว่า เป็นไปได้

     ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยการนำของผม  เพื่อนๆในกลุ่ม Together ONE จะได้ค้นพบกับคำว่าอิสรภาพ (Freedom) ภายใน 5 ปี อย่างแน่นอน